ในฐานะบัณฑิตแห่งราชวงศ์หมิง เหว่ยหยางเช็ง เชื่อว่า ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น ความสุขทางเพศรสเป็นสิ่งจรรโลงชีวิตอันควรแสวงหา เหว่ยหยางเช็ง และ เตียหยูเซียง บุตรสาวรูปงามของนักบวชในลัทธิเต๋า ทั้งคู่ตกหลุมรักแรกพบในครั้งแรกที่พบกัน ต่อมา เหว่ยหยางเช็ง แต่งงานกับเธอ เข้าไปเป็นเขยตระกูลเตีย เตียหยูเซียง หญิงสาวสวยสง่า เคร่งครัดในกฎระเบียบตามที่บิดาตั้งมั่น เธอไม่สามารถตอบสนองความลุ่มหลงทางเพศให้แก่ เหว่ยหยางเช็ง ได้ แม้จะผิดหวังมาก แต่เขาก็รักและลุ่มหลงเธอไม่น้อยไปกว่าความเสียใจ วันหนึ่ง เหว่ยหยางเช็ง ติดตามเพื่อน ไปยังหอคอยแห่งความเป็นเลิศที่ซึ่ง องค์ชายหนิง เก็บรักษาสมบัติมีค่า หายากทั้งหลาย สมบัติที่สะสมไว้มีทั้งภาพเขียน งานเขียนตัวอักษร และของเก่า ของโบราณที่มีค่าเกินประมาณได้ ด้วยทักษะ สายตาที่ช่ำชอง เชี่ยวชาญในการแยกแยะของมีค่า เหว่ยหยางเช็ง กลายเป็นแขกประจำของคฤหาสน์แห่งความสำราญนี้ สถานที่ซึ่งชายหญิงใช้ชีวิตแสวงหาความสุขสุดเหวี่ยง ด้วยการสนับสนุน ของ องค์ชายหนิง และเหล่าที่ปรึกษา เหว่ยหยางเช็ง เข้าร่วมเสพสุข ทั้งวันทั้งคืน
อย่างไรก็ตามปมด้อยในสรีระความเป็นชายของเขาก็ยังทำให้เขารู้สึกไร้ซึ่งความสุขเสมอ ต่อมา เหว่ยหยางเช็ง ได้พบกับผู้อาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์แห่งความสำราญ ผู้เฒ่าเคราสีเทาผู้ดูอ่อนเยาว์ ด้วยเคล็ดหยินหยาง แห่งเซน ภายใต้การแนะนำของผู้อาวุโส เหว่ยหยางเช็ง ไม่เพียงผ่านการผ่าตัดดัดแปลงขนาดสรีระความเป็นชาย กับ “ลา” แต่ยังได้เรียนรู้ทักษะเชิงกามารมณ์ ซึ่งทำให้เขาได้ก้าวไปสู่ความสุขทางกายที่เขาค้นหา และตอบสนองความพึงพอใจขั้นสูงสุดทั้งทางกาย และจิตใจที่เขาแสวงหามานาน เวลาผ่านไปฝ่ายภรรยา เตียหยูเซียง เฝ้ารอคอยการกลับบ้านของ เหว่ยหวางเช็ง ภายใต้แรงกดดันของเพื่อนบ้านและพ่อ หยู่เซียง ผู้หัวใจสลายยื่นตัดสินใจขอหย่าขาดจากหยางเช็ง การถูกภรรยาละทิ้ง เหว่ยหยางเช็ง จึงก้าวถลำเข้าไปสู่วิถีชีวิตที่ลุ่มหลงในกามารมณ์อย่างเต็มตัว และดูเหมือนว่าความลุ่มหลงที่ผิดปกตินี้ จะกลับกลายเป็นกับดักอันตราย !! ที่เขาต้องเผชิญ